วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สุภาษิตโดนๆ ที่คนมักเอามาหลอกด่ากัน

เหตุมาจากเฟซบุ๊คอีกนั่นแล ถึงได้มีกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะว่า เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊คบางคน และหลายๆ คน ชอบโพสต์สุภาษิต คำพังเพย สำนวน (เอ่อ จริงๆ ก็แยกไม่ออกหรอกว่าอันไหนเป็นอันไหน) จริงๆ มักจะโพสต์าสุภาษิตเหล่านี้ก็เพื่อแอบจิก กัด ด่า คนอื่นๆ อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้คนที่เปิดหน้าเฟซบุ๊ค เป็นอันได้จิตตกไปตามๆ กัน
สุภาษิตเหล่านี้ เป็นประโยคสั้นๆ แต่ให้ความหมายได้มากมายกว้างไกล และที่น่าดีใจ คือคนไทยส่วนมาก มักแปลสุภาษิตเหล่านี้ออกกันแทบทุ๊กคน คัดมาที่โด๊นโดน ก็เช่น

กำขี้ดีกว่ากำตด :ความหมายว่า ได้ในสิ่งที่เห็นหรือเป็นของได้แน่ ดีกว่าคิดอยากได้ในสิ่งหรือของที่ไม่เห็นเหมือนไม่มีตัวตน การกินการอยู่ใครไม่สู้พ่อ การพายการถ่อพ่อไม่สู้ใคร : สำนวนนี้อธิบายความหมายอยู่ในตัวแล้วแสดงว่า เรื่องกินแล้วเก่งจนไม่มีใครสู้แต่ถ้าเรื่องงานแล้วยอมแพ้ ซึ่งแปลว่าขี้เกียจนั้นเอง.
กินที่ลับไข่ที่แจ้ง :สำนวนนี้ มีความหมายไปในทำนองที่ว่า ทำอะไรไว้ในที่ลับแล้วอดปากไว้ไม่ได้เอามาเปิดเผย ให้คนทั้งหลายรู้เพื่อจะอวดว่าตนกล้าหรือสามารถทำอย่างนั้นได้โดยไม่กลัวใครผิดกฎหมาย อะไรทำนองนั้นหรือไม่กลัว
กินน้ำใต้ศอก :หมายไปในทางที่ว่าถึงจะได้อะไรสักอย่างก็ไม่เทียมหน้าหรือไม่เสมอหน้าเขา เช่นหญิงที่ได้สามี แต่ต้องตกไปอยู่ในตำแหน่งเมียน้อย   ก็เรียกว่า "กินน้ำใต้ศอกเขา" ที่มาของสำนวนนี้ คนในสมัยก่อนอธิบายว่า คนหนึ่งเอาสองมือกอบน้ำมากิน มากิน อีกคนหนึ่งรอหิวไม่ไหวเลยเอาปากเข้าไปรองน้ำที่ไหลลงมาข้อศอก ของคนกอบน้ำกินนั้นเพราะรอหิวไม่ทันใจ.
กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา :แปลว่าคนที่เนรคุณคนเปรียบได้กับคนที่อาศัยพักพิงบ้านเขาอยู่แล้ว คิดทำมิด ีมิชอบให้เกิดขึ้นภายในบ้านนั้น ทำให้เจ้าของบ้านที่ให้อาศัยต้องเดือดร้อนคนโบราณเอาลักษณะของแมวที่ไม่ดี คือกินแล้วไม่ขี้ให้เป็นที่กลับขึ้นไปขี้บนหลังคาให้เป็นที่สกปรกเลอะเทอะเพราะคนสมัยก่อนต้องการให้หลังคาสะอาดเพื่อรองน้ำฝนไว้กิน จึงเอาแมวชั่วนี้ มาเปรียบเทียบกับคนชั่วที่ไม่รู้จักบุญคุณคน.
กินปูนร้อนท้อง :สำนวนนี้มาจากตุ๊กแก ว่ากันว่า ตุ๊กแกที่กินปูน (ปูนแดงที่กินกับหมากพลู ) มักจะทำอาการกระวนกระวาย ส่งเสียงร้องแกร็กๆ เหมือนอาการร้อนท้องหรือปวดท้อง
จึงนำเอามาเปรียบกันคนที่ทำพิรุธหรือทำอะไรไว้ไม่อยากให้ใครรู้แต่เผอิญมีใครไปแคะได้ หรือเรียบเคียงเข้าหน่อยทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เจตนาเจาะจงแต่ตัวเอง ก็แสดงอาการเป็นเชิงเดือดร้อนออกมาให้เขารู้ สำนวนนี้มักพูดกันว่า " ตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง
เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า:สำนวนนี้  เวลาพูดมักจะใช้คำตรง ๆ ว่า " เขียนด้วยมือลบด้วยตีน " เป็นความเปรียบเปรยถึง  คนที่แต่แรกทำความดีจนเป็นที่เชื่อถือไว้แล้ว แต่ภายหลัง กลับทำความชั่วลบล้างความดีของตนเสียง่าย ๆ หรือเปรียบอีกทางหนึ่งถึงคนที่ออกคำสั่ง หรือให้สัญญาไว้แต่แรกอย่างหนึ่ง แล้วปุบปับกลับเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือสัญญานั้นเสีย ให้อยู่ในลักษณะตรงข้ามโดยไม่มีเหตุผล.
คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล  :  สำนวนนี้ มีความหมายหรือคำบรรยายอยู่ในตัวแล้ว คือคบคนชั่ว คนชั่วก็ชักพาเราให้พลอยไปทำชั่วด้วย ถ้าคบคนดีมีความรู้ ก็ทำให้เราได้รับผลดีหรือได้รับความรู้ดีตามไปด้วย.
ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก  : หมายความว่า มีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้น ยังไม่ทันจะแก้ไขหรือจัดการให้สงบดี ก็เกิดมีเรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก กลายเป็น ๒ เรื่องขึ้นในคราวเดียว.
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด  : สำนวนนี้ หมายถึงคนที่มีวิชาความรู้ดี หรือรู้สารพัดเกือบทุกอย่าง แต่ถึงคราวเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเอง กลับจนปัญญาแก้ไข หรือความหมายอีกทางหนึ่งว่า มีความรู้อยู่มากมายแต่ใช้วิชาหากินไม่ถูกช่อง ทำให้ต้องตกอยู่ในฐานะยากจนอยู่เรื่อยมา สู้คนที่ไม่รู้หนังสือเลย แต่หากินจนร่ำรวยไม่ได้.
ตีวัวกระทบคราด  :  เป็นสำนวนหมายถึง  การแสร้งทำหรือแสร้งพูด  เพื่อให้กระทบกระเทือนไปถึงอีกฝ่ายหนึ่ง  การเอาวัวกับคาดมาเปรียบ  ก็เพราะคราดซึ่งใช้เป็นเครื่องมือกวาดลานฟางหรือหญ้าในนานั้นผูกเป็นคันยาวใช้วัวลากและคราดจะเป็นฝ่ายกระตุ้นให้วัวทำงานลากคราดไป  ซึ่งผลงานคงจะอยู่ที่คราดเป็นตังกวาด  เมื่อคราดไม่ทำงานก็เลยใช้วิธีตีวัวให้ลากคราด  เป็นทำนองว่า  " ตีวัวกระทบคราด "  วัวเลยกลายเป็นแพะรับบาปเพราะคราด  ความหมายคล้ายกับว่า  เราทำอะไรคนหนึ่งไม่ได้  เช่น  โกรธเขาแต่กลับไปเล่นงานสัตว์เลี้ยงหรือคนใกล้ชิดของเขา  เป็นการตอบแทน.
ตัวเป็นขี้ข้า  อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ  : สำนวนนี้เป็นสุภาษิตเก่าแก่  ที่สอนให้คนเราประพฤติชอบแต่ในทางที่ดีไม่ให้ประพฤติตนไปในทางเสื่อมเสีย  แม้จะมีฐานะยากจน  เป็นตนใช้หรือลูกจ้างเขาก็ตามแต่  ก็ต้องรักษาความดีความซื่อสัตว์  รวมทั้งความสะอาดกายไปในตัวด้วย  อย่าปล่อยตัวเองให้ตกเป็นทาสของความชั่ว.
น้ำท่วมทุ่ง  ผักบุ้งโหรงเหรง  : เป็นความหมายถึง  คนที่พูดมาก  แต่ถ้อยคำที่พูดนั้นได้เนื้อความน้อยหรือมีสาระเพียงนิดเดียว  สำนวนนี้เรามักใช้พูดสั้น ๆ ว่า  "  น้ำท่วมทุ่ง "  หรือ  " พูดเป็นน้ำท่วมทุ่ง "  เสียส่วนมาก  แต่ก็เป็นความหมายชัดเจนอย่างว่าดี.
น้ำนิ่งไหลลึก  : เป็นสำนวนที่หมายถึง  คนที่ดูภายนอกสงบเสงี่ยมหรือเป็นคนหงิม ๆ ไม่ค่อยพูดจา  แต่มักจะเป็นคนมีความคิดฉลาด  หรือทำอะไรได้แคล่วคล่องว่องไว  เปรียบเหมือนน้ำที่ดูตอนผิวหนังที่สงบนิ่ง  แต่ลึกลงไปข้างใต้นั้นกลับไหลแรง.
พูดไปสองไพเบี้ย  นิ่งเสียตำลึงทอง  : หมายความว่า  พูดไปก็ไม่มีประโยชน์  สู้นิ่งไว้ดีกว่า.
ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้  : หมายความว่า  อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น  มักจะต้องมีเหตุหรือมีเค้ามูลมาก่อน  ไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ.
เอาจมูกคนอื่นมาหายใจ  :  
สำนวนนี้  บางทีก็ว่า  " ยืมจมูกคนอื่นเขามาหายใจ "  มีความหมายไปในทำนองที่ว่า  อาศัยความคิดหรือแรงของคนอื่นมาทำงานให้ตน  โดยไม่คิดว่าจะได้รับผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับที่ตนเองทำหรือไม่  และมักจะไม่ได้ผลดังที่ตนต้องการทีเดียวนัก.
รื้อฟื้นสุภาษิตไทย พร้อมความหมาย ได้ที่นี่
http://www.yenta4.com/external.php?url=http%3A%2F%2Fsalanluck.awardspace.com%2F
http://www.yenta4.com/external.php?url=http%3A%2F%2Fwww.siamtower.com%2Fsupasit

1 ความคิดเห็น: